วิธียืดอายุแบตเตอรี่โน้ตบุ๊กของคุณให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้น

วิธียืดอายุแบตเตอรี่โน้ตบุ๊กของคุณให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้น

วิธียืดอายุแบตเตอรี่โน้ตบุ๊กของคุณให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้น

ต้องบอกว่าไม่มีอะไรที่จะหยุดการทำงานของคุณได้เร็วเท่ากับไอคอนเตือนแบตเตอรี่กำลังหมด ที่กระพริบแจ้งเตือนขึ้นมาบนหน้าจอ หรือเป็นเรื่องที่ทำให้ต้องตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อคุณต้องสอดส่องมองหาที่นั่งที่มีปลั๊กไฟเพื่อเอาไว้เสียบชาร์จแบตเตอรี่ เวลาออกไปทำงานข้างนอก หรือต้องพกอะแดปเตอร์ที่หนักติดตัวไปตลอดเวลา

ถึงเวลาแล้วหรือยังที่มองหาวิธียืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่โน้ตบุ๊กของคุณด้วยการตั้งค่าที่ชาญฉลาด และหันมาใช้เครื่องชาร์จสำรองที่มีขนาดกะทัดรัดพกพาได้สะดวกกว่า เดินทางได้คล่องตัวมากขึ้น

วิธียืดอายุแบตเตอรี่โน้ตบุ๊กของคุณให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้น

ในเนื้อหานี้คุณจะได้คำแนะนำที่ได้ผลจริง ซึ่งจะเพิ่มเวลาการทำงานอันมีค่า รวมถึงโซลูชันแบบพกพาจาก Belkin ที่สามารถใส่เข้าไปในกระเป๋าได้อย่างง่ายดาย ไม่ทำให้คุณต้องแบกของหนักเพิ่มขึ้น

 

 วิธีการเร่งด่วนที่ใช้ได้ผล

ต้องการเห็นผลได้ทันที? ได้เลย เรื่อมที่การลดความสว่างของหน้าจอ เปิดโหมดประหยัดแบตเตอรี่ ปิดแอปพลิเคชันที่ทำงานในเบื้องหลัง เลือกการตั้งค่าพลังงานแบบสมดุล และรักษาแบตเตอรี่ไว้ให้อยู่ในระหว่าง 20-80% เพื่อประสิทธิภาพการทำงานของแบตเตอรี่ที่ดีเยี่ยม

 

ด้วยการปรับแต่งง่ายๆ นี้ อาจเพิ่มเวลาการใช้งานกับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กสมัยใหม่แบบบางเบา หรืออัลตร้าบุ๊กได้มากถึง 2 ชั่วโมง เลยทีเดียว ทำให้คุณมีเวลาเผื่อสำหรับการเตรียมงานประชุมหรืองานบรรยายได้อีกเยอะเมื่อไม่มีปลั๊กไฟให้เสียบชาร์จแบตเตอรี่

 

 การตั้งค่าสำหรับ Windows 11/10

  1. Start ▸ Settings ▸ System ▸ Power & Battery → เปิดโหมด Battery saver
  2. ในหน้าต่างเดียวกัน ลากแถบเลื่อน Brightness ลงมา
  3. Settings ▸ Bluetooth & devices ▸ Keyboard → ปิดแสงไฟแป้นพิมพ์หรือลดเวลาหมดเวลาลง
  4. Settings ▸ Display ▸ Advanced display → เปลี่ยน Refresh rate จาก 120 Hz เป็น 60 Hz สำหรับงานทั่วไป

 

 การตั้งค่าสำหรับ macOS (Sonoma/Monterey)

  1. Apple Menu ▸ System Settings ▸ Battery → เปิด Low Power Mode และ “Battery Health Management”
  2. ลดความสว่างด้วย Control Center ▸ Display หรือปุ่ม F1
  3. System Settings ▸ Keyboard ▸ Keyboard Backlight → ตั้งค่า “Turn backlight off after” เป็น 5 วินาที หรือปิดในเวลากลางวัน
  4. System Settings ▸ Displays ▸ Advanced → เลือก 60 Hz เว้นแต่คุณจะต้องการการเลื่อนที่นุ่มนวลเป็นธรรมชาติ

 

การตั้งค่าสำหรับ macOS (Sequoia)

  1. System Settings ▸ Battery → เปิด Low Power Mode และตั้งเป็น “Only on Battery”
  2. System Settings ▸ Battery ▸ Options → เปิด “Put hard disks to sleep” และ “Optimize video streaming” ปิด “Wake for network access” และ “Power Nap”
  3. Applications ▸ Utilities ▸ Activity Monitor ▸ Energy tab → เรียงตาม Energy Impact และปิดแอปที่ใช้พลังงานสูง
  4. System Settings ▸ General ▸ Login Items → ปิดแอปที่ไม่จำเป็นและปิดโปรแกรมพื้นหลังที่ไม่สำคัญ
  5. ลดความสว่างด้วย Control Center ▸ Display หรือปุ่ม F1
  6. System Settings ▸ Displays → เปิด Auto-Brightness

 

วิธียืดอายุแบตเตอรี่โน้ตบุ๊กของคุณให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้น

 

การปรับแต่งที่เรียบง่ายเหล่านี้ เพียงครั้งเดียวกลับได้ผลเกินคาด ซึ่งจะช่วยลดการใช้พลังงานในทุกครั้ง และยืดเวลาในการชาร์จแบตเตอรี่ครั้งต่อได้อย่างชัดเจน

การจัดการแอปพลิเคชันที่กินพลังงาน

เปิด Task Manager หรือ Activity Monitor เรียงตามการใช้พลังงาน และปิดทุกอย่างที่คุณไม่ได้ใช้งาน ถอนการติดตั้งซอฟต์แวร์ที่ไม่ต้องการหรือซ่อนอยู่ สั่งหยุดไคลเอนต์ที่ทำการซิงค์ข้อมูลอัตโนมัติ และปิดเสียงแท็บการเล่นเพลง หรือวีดีโอเมื่อไม่ได้ใช้งาน

 

ปัจจุบันตัวเบราว์เซอร์มี Task Manager ของตัวเอง ลองเข้าไปตั้งค่าเพื่อหาส่วนขยายที่ใช้พลังงานมากเกินไป แม้ว่าแท็บจะทำงานอยู่เบื้องหลัง จากนั้นปิดหรือลบออกให้หมด การทำความสะอาดแบบง่ายๆ นี้สามารถช่วยยืดอายุอายุแบตเตอรี่โน้ตบุ๊กได้อย่างมีนัยสำคัญ

 

การดูแลสุขภาพแบตเตอรี่

แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนจะให้ประสิทธิภาพดีที่สุดที่สุด ควรหลีกเลี่ยงการชาร์จเต็ม 100% และต้องไม่ใช้จนแบตเตอรี่หมดเป็น 0%  แต่พยายามรักษาแต่ละรอบการชาร์จไว้ระหว่าง 20% ถึง 80% “โซนกลาง” นี้จะลดการทำปฏิกิริยาทางเคมีและชะลอการสูญเสียความจุได้หลายรอบ

 

หากคุณทำงานอยู่ใกล้ปลั๊กไฟ แนะนำให้ชาร์จไฟเป็นเวลาช่วงสั้นๆ แทนที่จะรอจนกว่าแบตเตอรี่เตือนเป็นสีแดง โน้ตบุ๊กสมัยใหม่หลายรุ่นยังให้คุณเลือกการตั้งค่าชาร์จแบตเตอรี่เป็นแบบจำกัดระดับการชาร์จสูงสุดในการเข้าไปตั้งค่าที่ BIOS หรือการตั้งค่าในระบบ macOS ด้วยการเปิดใช้งาน “จำกัดการชาร์จ 80%” อาจช่วยยืดประสิทธิภาพอายุแบตเตอรี่ได้เป็นปี

 

โซลูชันการชาร์จจาก Belkin

สำหรับการชาร์จไฟที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ 200W 4-Port USB-C GaN Charger ให้พลังงานระดับโน้ตบุ๊กเต็มรูปแบบผ่านพอร์ต USB-C ดังนั้นคุณสามารถชาร์จโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตพร้อมกันได้โดยไม่ทำให้อุปกรณ์ใดช้าลง

 

ในวันที่คุณต้องเดินทางโดยใช้แท็บเล็ตหรืออัลตราบุ๊ก 3 Port USB-C Charger with PPS 67W สามารถใส่ในกระเป๋าเสื้อแจ็กเก็ตได้สบายๆ แต่ยังคงจ่ายกำลังไฟที่เพียงพอสำหรับการชาร์จ iPad, Chromebook และพาวเวอร์แบงค์ USB-C ได้อย่างรวดเร็ว

 

การดูแลความเย็นและการปกป้อง

ความร้อนจะทำลายตัวเก็บประจุอย่างเงียบๆ ดังนั้นควรยกโน้ตบุ๊กขึ้นเหนือพื้นเล็กน้อยเพื่อให้อากาศไหลเวียนได้ดี และควรดูดฝุ่นออกจากช่องระบายอากาศในทุก 3 เดือน เมื่อคุณต้องเสียบปลั๊กไฟชาร์จแบตเตอรี่ ให้เสียบปลั๊กไฟ หรือปลั๊กรางที่มีระบบป้องกันไฟกระชากที่เชื่อถือได้

 

หักล้างความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับแบตเตอรี่:

ความเชื่อ: ต้องใช้แบตเตอรี่ให้หมดเกลี้ยง 0% ก่อนแล้วค่อยชาร์จใหม่

ข้อเท็จจริง: ไม่จริงเลย! แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Li-ion) ที่ใช้ในโน้ตบุ๊กสมัยใหม่ทำงานต่างจากแบตเตอรี่รุ่นเก่าอย่างสิ้นเชิง การปล่อยให้แบตเตอรี่หมดเกลี้ยง (Deep Discharge) บ่อยๆ จะสร้างปฏิกิริยาให้กับเซลล์แบตเตอรี่และความจุโดยรวมลดลงอย่างรวดเร็ว แบตเตอรี่ Li-ion จะนับรอบการชาร์จและการคายประจุจนหมดเป็นการเพิ่มรอบความเสียหายที่ไม่จำเป็น

เคล็ดลับคือ: พยายามรักษาแบตเตอรี่ให้อยู่ในระดับ 20-80% จะดีที่สุดเพื่อยืดอายุการใช้งาน

 

ความเชื่อ: การเสียบปลั๊กชาร์จโน้ตบุ๊กทิ้งไว้ตลอดเวลาจะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว

ข้อเท็จจริง: โน้ตบุ๊กและสมาร์ทโฟนสมัยใหม่มีระบบควบคุมการชาร์จที่ฉลาดมาก เมื่อแบตเตอรี่ชาร์จเต็ม 100% แล้ว ระบบจะหยุดดึงกระแสไฟเข้าสู่แบตเตอรี่ทันที และเปลี่ยนไปใช้พลังงานจากอะแดปเตอร์แปลงไฟ (ไฟบ้าน) โดยตรง นั่นหมายความว่าแบตเตอรี่จะไม่ได้ทำงานเลยในขณะที่คุณเสียบปลั๊กทิ้งไว้ ดังนั้น การเสียบปลั๊กไว้ตลอดเวลาจึงปลอดภัยและไม่ส่งผลเสียต่อแบตเตอรี่โดยตรง แต่อย่างไรก็ดีควรถอดปลั๊กเมื่อแบตเตอรี่มาถึงระดับ 80% เพื่อให้แบตเตอรี่ทำงานเต็มประสิทธิภาพ

 

ความเชื่อ: การเปิดโหมดมืด (Dark Mode) ช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้

ข้อเท็จจริง: จริงเพียงบางส่วนเท่านั้น! การเปิดโหมดมืดจะช่วยประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ได้อย่างมีนัยสำคัญก็ต่อเมื่อคุณใช้โน้ตบุ๊กที่มีหน้าจอแบบ OLED (Organic Light Emitting Diode) เท่านั้น หน้าจอ OLED จะปิดการทำงานของแต่ละพิกเซลที่แสดงสีดำสนิท ซึ่งช่วยประหยัดพลังงานได้จริง แต่สำหรับหน้าจอ LCD (Liquid Crystal Display) ซึ่งเป็นหน้าจอส่วนใหญ่ในโน้ตบุ๊กทั่วไปนั้น จะใช้ไฟ LED เป็นแบ็คไลท์ส่องสว่างอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าพิกเซลจะแสดงสีอะไรก็ตาม ดังนั้น การเปลี่ยนเป็นโหมดมืดบนหน้าจอ LCD แทบจะไม่ส่งผลต่อการประหยัดพลังงานเลย

 

ความเชื่อ: ที่ชาร์จราคาถูกหรือที่ชาร์จปลอมก็ใช้ได้เหมือนกัน

ข้อเท็จจริง: ผิดอย่างร้ายแรง! โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอุปกรณ์ที่ใช้มาตรฐาน USB-C Power Delivery (PD) การชาร์จแบตเตอรี่ต้องใช้การควบคุมแรงดันไฟฟ้าและกระแสไฟที่แม่นยำมาก อะแดปเตอร์หรือที่ชาร์จที่ไม่มีใบรับรองหรือไม่ผ่านการทดสอบคุณภาพ อาจส่งผลให้ประสิทธิภาพการชาร์จต่ำ ชาร์จได้ช้า ไม่เต็มประสิทธิภาพ, ทำให้อุปกรณ์เสียหาย จ่ายไฟไม่เสถียร อาจทำให้วงจรภายในของแล็ปท็อปเสียหายได้ และอันตราย มีความเสี่ยงที่จะเกิดไฟฟ้าลัดวงจร ไฟไหม้ หรือความเสียหายต่อแบตเตอรี่ได้ ควรเลือกใช้ที่ชาร์จที่ได้รับการรับรองมาตรฐานและเชื่อถือได้

 

คำถามที่พบบ่อย

การปรับแต่งใดที่ช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ได้มากที่สุด?

ลดความสว่างหน้าจอ เปิดโหมดประหยัดแบตเตอรี่ และปิดแอปที่กินพลังงานมาก การชาร์จบางส่วน (รักษาแบตเตอรี่ไว้ระหว่าง 20-80%) ก็ช่วยได้เช่นกัน

 

จะชาร์จโน้ตบุ๊กอย่างไรให้ปลอดภัย?

ใช้เครื่องชาร์จ USB-C ที่มีมาตรฐานได้รับการรับรอง รักษาระดับแบตเตอรี่ไว้ระหว่าง 20-80% และทำความสะอาดฝุ่นจากพัดลมเป็นประจำเพื่อป้องกันความร้อนเกินไป

 

การตั้งค่าใดที่จะประหยัดพลังงานมากที่สุด?

ปิดสัญญาณไร้สายที่ไม่ได้ใช้ (เช่น บูลทูธ) ปิดแท็บเบราว์เซอร์ และตั้งจอแสดงผลเป็น 60 Hz สำหรับงานท่องเว็บหรือแก้ไขเอกสาร

 

สรุปเคล็ดลับของผู้เชี่ยวชาญ

ลดแสงหน้าจอ → เปิดโหมดประหยัดแบตเตอรี่ → ปิดแอปที่ไม่จำเป็น → ชาร์จ 20-80% → เชื่อมั่นเครื่องชาร์จ GaN, พาวเวอร์แบงค์ และการป้องกันไฟกระชากจาก Belkin → รักษาอุณหภูมิให้เย็น หรือไม่ให้มีความร้อนเกินไป

 

ใช้เทคนิคของผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้เพื่อให้เวลาการทำงานของคุณเพิ่มขึ้น ไม่ว่าคุณจะเดินทาง ใช้เพื่อการเรียน หรือนำเสนอ หัวชาร์จ พาวเวอร์แบงค์ ที่เชื่อถือได้จาก Belkin จะช่วยให้คุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เราจะเลือก USB-C อย่างดี?

วิธีเลือก USB-C อย่างไร?

  • ความปลอดภัยเป็นสิ่งแรก
  • การป้องกันด้วยโลหะในหัวสายเคเบิลออกแบบมาเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความทนทาน
  • สายชาร์จกำลังสูง (100W/240W) มาพร้อมกับ E-markers ในตัวเพื่อรับประกันความปลอดภัยในการชาร์จ

 

ความแตกต่างของ Belkin

  • การรับประกัน 2 ถึง 5 ปี
  • การรับรองมาตรฐาน USB-IF
  • เข้ากันได้และทดสอบกับสมาร์ทโฟนชั้นนำทุกรุ่น
  • สายเชื่อมต่อมีการป้องกันด้วยโลหะเพื่อความทนทานยาวนาน
  • ทดสอบการงอได้สูงสุด 25,000 ถึง 30,000 ครั้ง และผ่านการทดสอบครบถ้วน
  • ปฏิบัติตาม ISO14001

 

“Belkin ครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ด้านสายชาร์จ”
ด้วยยอดขายผลิตภัณฑ์ USB-C รวมกว่า 51 ล้านชิ้น*

ขายผลิตภัณฑ์ USB-C ได้ 1 ชิ้นทุก ๆ 5 วินาที
ชี้ให้เห็นถึงความต้องการจากผู้บริโภคที่สูงและความนิยมของแบรนด์ในตลาด

ผ่านการทดสอบด้านความปลอดภัยและคุณภาพถึง 105 รายการ
ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการสร้างมาตรฐานด้านความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ

* ไม่รวมแบรนด์ที่เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์โดยตรง (First-party) และแบรนด์ฉลากส่วนตัว (Private label)

 

12 ของขวัญวันแม่ปี 2025: Belkin มอบความรักและความสะดวกสบายให้คุณแม่ยุคใหม่

12 ของขวัญวันแม่ปี 2025: Belkin มอบความรักและความสะดวกสบายให้คุณแม่ยุคใหม่

วันแม่เวียนมาบรรจบอีกครั้งในปี 2025 เป็นโอกาสดีที่เราจะได้แสดงความรักและความกตัญญูต่อผู้หญิงที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเรา นอกจากการบอกรักและใช้เวลาคุณภาพร่วมกันแล้ว การมอบของขวัญที่ตอบโจทย์การใช้งานจริงและช่วยให้ชีวิตคุณแม่สะดวกสบายขึ้น ก็เป็นอีกวิธีที่แสดงออกถึงความใส่ใจได้เป็นอย่างดี

เราเข้าใจดีว่าคุณแม่หรือผู้สูงอายุในยุคปัจจุบันมีความต้องการและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคุณแม่ที่ยังคงแอคทีฟ ทำงาน หรือใช้เทคโนโลยีในการเชื่อมต่อกับโลกภายนอก Belkin แบรนด์ผู้นำด้านอุปกรณ์เสริมอิเล็กทรอนิกส์คุณภาพสูง มีผลิตภัณฑ์มากมายที่ตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ได้อย่างลงตัว และนี่คือ 12 ไอเดียของขวัญวันแม่จาก Belkin ที่เราคัดสรรมาเป็นพิเศษ เน้นประโยชน์ที่คุณแม่จะได้ใช้งานจริง พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น

 

กลุ่มอุปกรณ์ชาร์จไร้สาย: ความสะดวกสบายที่ไร้ขีดจำกัด

สำหรับคุณแม่ที่ใช้สมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์ที่รองรับการชาร์จไร้สาย ของขวัญในกลุ่มนี้จะช่วยให้ชีวิตท่านง่ายขึ้น ไม่ต้องวุ่นวายกับสายชาร์จที่พันกันยุ่งเหยิง

  1. Belkin Magnetic Power Bank with Qi2 15W 10K (BPD008)

ทำไมถึงเป็นของขวัญวันแม่: พาวเวอร์แบงก์แบบแม่เหล็กที่ชาร์จได้เร็ว 15 วัตต์ นี้เหมาะสำหรับคุณแม่ที่ชอบพกพาสมาร์ทโฟนไปไหนมาไหนบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการไปตลาด ไปเที่ยว หรือทำกิจกรรมนอกบ้าน ด้วยความสามารถในการชาร์จแบบไร้สายและยึดติดกับโทรศัพท์ด้วยแม่เหล็ก คุณแม่สามารถใช้งานโทรศัพท์ไปพร้อมๆ กับชาร์จแบตเตอรี่ได้อย่างสะดวก ไม่ต้องกลัวสายหลุดหรือแบตหมดระหว่างวัน

  1. Belkin Convertible Magnetic Wireless Charging Stand with Qi2 15W (WIA008)

ทำไมถึงเป็นของขวัญวันแม่: แท่นชาร์จไร้สายแบบแม่เหล็กที่ปรับเปลี่ยนมุมได้นี้เป็นของขวัญที่ยอดเยี่ยมสำหรับคุณแม่ที่ใช้เวลาอยู่ที่บ้านเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการดูสูตรอาหารในครัว คุยโทรศัพท์กับญาติๆ หรือดูซีรีส์เรื่องโปรด สามารถวางโทรศัพท์ได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน ช่วยให้คุณแม่มองเห็นหน้าจอได้ชัดเจนขณะชาร์จ ทำให้ชีวิตประจำวันสะดวกสบายยิ่งขึ้น

  1. Belkin 2-in-1 Magnetic Charging Travel Pad with Qi2 15W (WIZ026)

ทำไมถึงเป็นของขวัญวันแม่: สำหรับคุณแม่นักเดินทาง หรือคุณแม่ที่ชอบจัดระเบียบข้าวของให้เป็นระเบียบ แท่นชาร์จไร้สายแบบพับได้ 2-in-1 นี้คือคำตอบ ด้วยดีไซน์ที่กะทัดรัด พกพาง่าย สามารถชาร์จอุปกรณ์ได้พร้อมกัน 2 ชิ้น (เช่น iPhone และ Apple Watch) คุณแม่จะหมดกังวลเรื่องการพกพาสายชาร์จหลายเส้น และมีพื้นที่ว่างในกระเป๋าเพิ่มขึ้น

  1. Belkin 2-in-1 Wireless Charging Dock with MagSafe 15W (WIZ020)

ทำไมถึงเป็นของขวัญวันแม่: แท่นชาร์จไร้สาย 2-in-1 พร้อม MagSafe นี้เหมาะสำหรับคุณแม่ที่ต้องการความเรียบง่ายและเป็นระเบียบ สามารถวาง iPhone และ AirPods Pro ของท่านได้อย่างเป็นระเบียบในที่เดียว ไม่ต้องเสียบสายให้ยุ่งยาก ดีไซน์สวยงามยังช่วยเพิ่มความหรูหราให้กับโต๊ะข้างเตียงหรือโต๊ะทำงานของคุณแม่ได้อีกด้วย

 

กลุ่มอะแดปเตอร์และสายชาร์จ: ความเร็วและประสิทธิภาพที่ไม่ต้องรอ

การชาร์จแบตเตอรี่ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคน โดยเฉพาะคุณแม่ที่อาจมีเวลาจำกัด และต้องการใช้อุปกรณ์ได้อย่างต่อเนื่อง

  1. Belkin Compact USB-C Wall Charger 30W (WCA008)

ทำไมถึงเป็นของขวัญวันแม่: หัวชาร์จ USB-C ขนาดกะทัดรัด 30W นี้เหมาะสำหรับคุณแม่ที่ต้องการชาร์จสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตได้อย่างรวดเร็ว ด้วยขนาดที่เล็ก คุณแม่สามารถพกพาไปได้ทุกที่ ไม่ว่าจะไปทำงาน ไปเที่ยว หรือไปเยี่ยมญาติๆ ไม่ต้องรอนานให้เสียเวลา

  1. Belkin 3-Port USB-C Charger with PPS 67W (WCC002 / WCC002thWH-DY)

ทำไมถึงเป็นของขวัญวันแม่: หัวชาร์จ 3 พอร์ตแบบ USB-C จ่ายไฟสูงสุด 67 วัตต์ นี้เหมาะสำหรับคุณแม่ที่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายชิ้น ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือแล็ปท็อป คุณแม่สามารถชาร์จอุปกรณ์พร้อมกันได้ถึง 3 อุปกรณ์ ประหยัดเวลาและลดความวุ่นวายจากการใช้ปลั๊กพ่วงหลายตัว หรือถ้าคุณแม่ชอบตัวการ์ตูนก็น่าจะถูกใจรุ่น Disney Collection ด้วยเช่นกัน

  1. Belkin USB-C Cable with Lightning Connector (CAA011)

ทำไมถึงเป็นของขวัญวันแม่: สำหรับคุณแม่ที่ใช้ iPhone รุ่นต่ำกว่าไอโฟน 15 สายชาร์จ USB-C to Lightning นี้เป็นสิ่งจำเป็น ด้วยความทนทานและประสิทธิภาพในการชาร์จที่รวดเร็ว คุณแม่สามารถชาร์จ iPhone ได้อย่างปลอดภัยและรวดเร็ว ไม่ต้องกังวลเรื่องสายขาดหรือชาร์จไม่เข้า

  1. Belkin USB-C to USB-C Cable 60W (CAB011)

ทำไมถึงเป็นของขวัญวันแม่: สายชาร์จ USB-C to USB-C รองรับชาร์จเร็ว 60 วัตต์ นี้เหมาะสำหรับคุณแม่ที่ใช้สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือแล็ปท็อปที่รองรับพอร์ต USB-C ด้วยความสามารถในการส่งกำลังไฟสูง ทำให้ชาร์จอุปกรณ์ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ไม่ต้องรอนาน

  1. Belkin Silicone USB-C to USB-C Cable Disney Collection / Marvel Collection (CAB011-DY)

ทำไมถึงเป็นของขวัญวันแม่: หากคุณแม่เป็นแฟนคลับของ Disney หรือ Marvel สายชาร์จซิลิโคน USB-C to USB-C ที่มาพร้อมลวดลายการ์ตูนสุดน่ารักนี้จะเป็นของขวัญที่ถูกใจอย่างแน่นอน นอกจากความน่ารักแล้ว สายชาร์จซิลิโคนยังมีความยืดหยุ่น ทนทาน และไม่พันกันง่าย ทำให้คุณแม่ใช้งานได้อย่างสะดวกสบายและสนุกสนาน

 

กลุ่ม Multiport Hub: การเชื่อมต่อที่ครบวงจร

ในยุคที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มีพอร์ตเชื่อมต่อที่จำกัด Multiport Hub กลายเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับคุณแม่ที่ยังคงใช้งานคอมพิวเตอร์หรือแล็ปท็อป

  1. Belkin USB-C 7-in-1 Multiport Hub Adapter (AVC009btSGY)

ทำไมถึงเป็นของขวัญวันแม่: สำหรับคุณแม่ที่ยังคงทำงานกับคอมพิวเตอร์ หรือชื่นชอบการถ่ายโอนข้อมูลจากกล้องดิจิทัล Hub อะแดปเตอร์ 7-in-1 USB-C นี้เป็นของขวัญที่ตอบโจทย์อย่างยิ่ง คุณแม่สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น USB, HDMI, SD Card หรือ Micro SD Card ทำให้การถ่ายโอนข้อมูล การนำเสนอ หรือการเชื่อมต่อหน้าจอเสริมเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบาย

 

ของขวัญอื่นๆ ที่น่าสนใจ:

นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์ Belkin ที่กล่าวมาข้างต้น ยังมีของขวัญอื่นๆ ที่อาจเป็นประโยชน์และถูกใจคุณแม่ได้อีก:

  1. อุปกรณ์ติดตามสิ่งของ (Tracker)

ทำไมถึงเป็นของขวัญวันแม่: สำหรับคุณแม่ที่ขี้ลืม หรือวางของสำคัญผิดที่บ่อยๆ เช่น กุญแจ กระเป๋าสตางค์ หรือโทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์ติดตามสิ่งของจะช่วยให้คุณแม่ค้นหาสิ่งของเหล่านั้นได้อย่างง่ายดายผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน ช่วยลดความกังวลและความหงุดหงิดจากการหาสิ่งของไม่เจอ

  1. ความรักความอบอุ่น

ทำไมถึงเป็นของขวัญวันแม่: เป็นการแสดงความรักของลูก และความกตัญญูให้กับคุณแม่ได้เป็นอย่างดี

 

สรุป

การเลือกของขวัญวันแม่ที่ดีที่สุดคือการเลือกสิ่งที่แสดงออกถึงความรัก ความใส่ใจ และเข้าใจในความต้องการของคุณแม่ การเลือกผลิตภัณฑ์จาก Belkin ที่เน้นประโยชน์การใช้งานจริง จะช่วยให้คุณแม่ได้รับความสะดวกสบาย มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และรู้สึกว่าเรายังคงดูแลเอาใจใส่ท่านอยู่เสมอ

อย่าลืมว่าของขวัญที่ล้ำค่าที่สุดคือความรักและความอบอุ่นที่เรามอบให้ท่านในทุกๆ วัน แต่การเสริมด้วยอุปกรณ์ที่ช่วยให้ชีวิตท่านง่ายขึ้น ก็เป็นอีกวิธีที่ทำให้วันแม่ปี 2025 นี้เป็นวันพิเศษที่น่าจดจำยิ่งขึ้น

 

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ในการเลือกของขวัญวันแม่สำหรับปี 2025 นะคะ

 

Belkin ได้รับการรับรองมาตรฐาน Qi 2.2 สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมนำเสนอประสบการณ์ชาร์จไร้สายที่เร็วกว่าเดิม 5 เท่า

Belkin ได้รับการรับรองมาตรฐาน Qi 2.2 สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมนำเสนอประสบการณ์ชาร์จไร้สายที่เร็วกว่าเดิม 5 เท่า

Belkin แบรนด์ชั้นนำด้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ผู้บุกเบิกเทคโนโลยีชาร์จไร้สายยืนยันความมุ่งมั่นในคุณภาพ ความปลอดภัย และประสิทธิภาพสำหรับอนาคตของการชาร์จไร้สาย

Belkin แบรนด์ชั้นนำด้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีประสบการณ์มากกว่า 40 ปี ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าได้รับการรับรองมาตรฐาน Qi 2.2 จาก Wireless Power Consortium (WPC) สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะเปิดตัวในเร็วๆ นี้

ในฐานะแบรนด์อุปกรณ์เสริมแรกๆ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน Qi 2.2 ทาง Belkin กำลังเป็นผู้นำในการนำเสนอเทคโนโลยีชาร์จไร้สายรุ่นใหม่สู่ตลาด ซึ่งจะมอบความเร็วในการชาร์จไร้สายที่เร็วขึ้น รองรับการชาร์จได้ดีขึ้น และมีประสิทธิภาพที่ดีให้กับผู้บริโภค

 

ความร่วมมือที่แน่นแฟ้นกับ WPC เป็นเวลากว่า 10 ปี

ด้วยความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่าง Belkin และ WPC ตั้งแต่ปี 2015 มีบทบาทสำคัญในการนำความก้าวหน้าเหล่านี้มาสู่ผู้บริโภค ในฐานะผู้นำในการใช้เทคโนโลยีใหม่และผู้สนับสนุนมาตรฐาน WPC มายาวนาน Belkin ถูกคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ผลิตที่ได้รับความไว้วางใจในการทดสอบและรับรองผลิตภัณฑ์ Qi 2.2 ก่อนการเปิดตัว

 

การควบคุมคุณภาพระดับสากลที่เข้มงวด

ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของ Belkin ผ่านการทดสอบด้านความปลอดภัย คุณภาพ และประสิทธิภาพอย่างเข้มงวด โดยสำนักงานใหญ่ทั่วโลกของ Belkin มีอุปกรณ์ทดสอบที่ได้รับการรับรองจาก WPC และห้องปฏิบัติการทดสอบที่ทันสมัย ซึ่งมุ่งเน้นการตรวจสอบความถูกต้องของผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่การประเมินด้านกลไกและสิ่งแวดล้อม ไปจนถึงการประเมินประสิทธิภาพในการใช้งานจริง นอกจากนี้ยังมีการทดสอบเพิ่มเติมในศูนย์วิศวกรรมของ Belkin ในประเทศจีนและไต้หวัน ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน Qi 2.2 ทุกชิ้นได้รับการรับประกันจาก Belkin เป็นอย่างดี

 

เปิดตัวผลิตภัณฑ์ Qi 2.2 ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า Belkin จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน Qi 2.2 หลายรายการ ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับอุปกรณ์หลากหลายประเภท แท่นชาร์จเหล่านี้จะให้ความเร็วในการชาร์จที่เร็วกว่าเดิม 5 เท่า* ในขณะที่ยังคงรักษาความมุ่งมั่นของ Belkin ในด้านความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ และการออกแบบที่ล้ำสมัย

 

คำแถลงจาก CTO ของ Belkin

“Belkin มีประวัติศาสตร์อันยาวนานในการสร้างมาตรฐานอุตสาหกรรมร่วมกับองค์กรที่เชื่อถือได้ เช่น Wireless Power Consortium และ USB-IF”, Brian Van Harlingen หัวหน้าเจ้าหน้าที่เทคโนโลยีของ Belkin กล่าว “การได้รับการรับรองมาตรฐาน Qi 2.2 เป็นครั้งแรกถือเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่น่าภาคภูมิใจ ซึ่งเป็นการยืนยันบทบาทของเราในการกำหนดพัฒนาการชาร์จไร้สายที่รวดเร็วและเป็นสากลสำหรับอุปกรณ์รุ่นใหม่”

 

เกี่ยวกับมาตรฐาน Qi 2.2

Qi 2.2 เป็นมาตรฐานล่าสุดจาก WPC ที่พัฒนาต่อยอดจาก Qi2 magnetic power profile ที่เปิดตัวในปี 2023 คาดว่าจะสามารถรองรับความเร็วในการชาร์จได้สูงถึง 25W และขยายการชาร์จไร้สายไปยังอุปกรณ์ใหม่ๆ เช่นเดียวกับรุ่นก่อนหน้า  Qi 2.2 มีคุณสมบัติการจัดตำแหน่งแม่เหล็กอัจฉริยะเพื่อการเชื่อมต่อที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้มากขึ้น ในขณะที่ยังคงความเข้ากันได้แบบย้อนกลับกับอุปกรณ์ Qi รุ่นเก่า นอกจากนี้ยังรวมถึงการปรับปรุงความปลอดภัยขั้นสูงเพื่อปกป้องแบตเตอรี่ของอุปกรณ์และประสิทธิภาพที่ดีสม่ำเสมอ

 

*อิงจากการทดสอบภายใน การชาร์จ Qi2.2 ให้พลังงานได้สูงถึง 25 วัตต์ เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องชาร์จแบบเดิม Qi ขนาด 5 วัตต์ ผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้งานจริงอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง เช่นอุณหภูมิ ประสิทธิภาพแบตเตอรี่ในแต่ละอุปกรณ์ เป็นต้น

 

เกี่ยวกับ Belkin

Belkin เป็นแบรนด์ชั้นนำด้านอุปกรณ์เสริมที่มีฐานในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งส่งมอบผลิตภัณฑ์ด้านพลังงาน การป้องกัน การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน การเชื่อมต่อ และเสียงที่ได้รับรางวัลมาเป็นเวลา 40 ปี ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการออกแบบและพัฒนาในแคลิฟอร์เนียใต้และจำหน่ายในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก Belkin ยังคงมุ่งเน้นในด้านการวิจัยและพัฒนา ชุมชน การศึกษา ความยั่งยืน และที่สำคัญที่สุดคือผู้คนที่บริษัทให้บริการ ตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่เรียบง่ายในโรงรถแห่งหนึ่งในแคลิฟอร์เนียใต้ในปี 1983 Belkin ได้เติบโตเป็นบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่หลากหลาย เรายังคงได้รับแรงบันดาลใจจากโลกใบนี้ที่เราอาศัยอยู่ และการเชื่อมโยงระหว่างผู้คนกับเทคโนโลยีเสมอมา

อุปกรณ์ Belkin กับการสอนยุคใหม่: พลิกโฉมห้องเรียนด้วย iPad และ USB-C

อุปกรณ์ Belkin กับการสอนยุคใหม่: พลิกโฉมห้องเรียนด้วย iPad และ USB-C

ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในทุกวงการ รวมถึงวงการการศึกษา คุณครูผู้สอนจำเป็นต้องมีเครื่องมือที่ทันสมัยเพื่อตอบโจทย์การใช้งาน และเพื่อสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่ไร้ขีดจำกัดให้กับนักเรียน โดยอุปกรณ์อย่าง iPad ที่รองรับ USB-C ก็กลายเป็นอุปกรณ์คู่ใจของคุณครูหลาย ๆ ท่าน ด้วยความสามารถที่หลากหลายและคล่องตัว และเมื่อใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริมคุณภาพจาก Belkin ก็ยิ่งเพิ่มศักยภาพให้ iPad กลายเป็นเครื่องมือการสอนที่ทรงพลังยิ่งขึ้น

 

ประโยชน์ของ iPad USB-C เพื่อการเรียนการสอนสำหรับคุณครู

iPad รุ่นที่มาพร้อมพอร์ต USB-C มอบความสะดวกและประโยชน์มากมายให้แก่คุณครูผู้สอน ดังนี้:

  1. มีความคล่องตัวและการเชื่อมต่อที่เหนือกว่า: พอร์ต USB-C เป็นมาตรฐานสากลที่ช่วยให้ iPad เชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นฮาร์ดไดรฟ์ภายนอก หรืออุปกรณ์เน็ตเวิร์ค ทำให้การถ่ายโอนข้อมูล หรือการเข้าถึงแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ทำได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
  2. การใช้งานที่หลากหลาย: iPad สามารถเป็นได้ทั้งสมุดจด, กระดานไวท์บอร์ด, เครื่องมือสร้างสรรค์สื่อการสอน, และอุปกรณ์นำเสนอผลงานในเครื่องเดียว คุณครูสามารถเตรียมการสอน, สร้างแบบทดสอบ, หรือแม้กระทั่งสอนออนไลน์ได้อย่างสะดวกสบาย
  3. พกพาสะดวก: ด้วยดีไซน์ที่บางเบา คุณครูสามารถพกพา iPad ไปได้ทุกที่ ไม่ว่าจะในห้องเรียน, ห้องพักครู, หรือแม้กระทั่งการสอนนอกสถานที่

 

อุปกรณ์เสริม Belkin: คู่หู iPad USB-C เพื่อการสอนที่สมบูรณ์แบบ

Belkin เข้าใจถึงความต้องการของคุณครู จึงได้พัฒนาอุปกรณ์เสริมคุณภาพสูงที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน iPad USB-C ในห้องเรียนโดยเฉพาะ

  • Belkin USB-C 7-in-1 Multiport Hub Adapter, AVC009: อุปกรณ์ชิ้นสำคัญที่ช่วยขยายขีดความสามารถของ iPad ได้อย่างน่าทึ่ง
    • เชื่อมต่อเมาส์และคีย์บอร์ด: เปลี่ยน iPad ให้เป็นเสมือนคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะขนาดย่อม ช่วยให้การพิมพ์เอกสาร, การสร้างสไลด์นำเสนอ, หรือการตอบอีเมลทำได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
    • ช่องอ่าน SD Card: โอนถ่ายรูปภาพหรือวิดีโอจากกล้องดิจิทัลมายัง iPad ได้โดยตรง เหมาะสำหรับการนำสื่อการเรียนรู้ที่สร้างสรรค์เองมาใช้ประกอบการสอน
  • Belkin PRO Flex USB-C to USB-C Cable (CAB014): สายชาร์จคุณภาพสูงที่ออกแบบมาเพื่อความทนทานและการใช้งานที่ยาวนาน
    • ความยาวที่เหมาะสม: ด้วยความยาว 2 หรือ 3 เมตร (ขึ้นอยู่กับรุ่น) ช่วยให้คุณครูสามารถชาร์จ iPad ขณะใช้งานในห้องเรียนได้อย่างสะดวก แม้ปลั๊กไฟจะอยู่ไกล
    • รองรับกำลังไฟสูง (100W): ชาร์จ iPad ได้อย่างรวดเร็ว มั่นใจได้ว่าแบตเตอรี่จะพร้อมใช้งานเสมอ
  • Belkin 3-Port USB-C Wall Charger with PPS 67W (WCC002): หัวชาร์จอัจฉริยะที่ตอบโจทย์การใช้งานหลากหลายอุปกรณ์
    • ชาร์จหลายอุปกรณ์พร้อมกัน: มาพร้อมพอร์ต USB-C 3 ช่องทำให้คุณครูสามารถชาร์จ iPad พร้อมกับอุปกรณ์อื่นๆ เช่น สมาร์ทโฟน หรือหูฟังไร้สาย ได้ในเวลาเดียวกันได้อย่างสะดวก
    • เทคโนโลยี PPS (Programmable Power Supply): จ่ายไฟได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัยกับอุปกรณ์ที่รองรับ ช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่

 

AirPlay และ Apple TV: ยกระดับการนำเสนอแบบไร้สาย

คุณครูยังสามารถใช้ฟีเจอร์ AirPlay ผ่านกล่อง Apple TV เพื่อสะท้อนหน้าจอ iPad ขึ้นจอโทรทัศน์หรือโปรเจคเตอร์แบบไร้สายได้อีกด้วย เพิ่มความสะดวกคล่องตัวในการเคลื่อนที่ขณะสอน และสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่น่าสนใจยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการนำเสนอเนื้อหาในห้องเรียน โดยที่ iPad ยังต่อกับอุปกรณ์ของ Belkin อยู่

มาตรฐาน ความทนทาน และความปลอดภัยของอุปกรณ์ Belkin

Belkin ให้ความสำคัญกับคุณภาพและความปลอดภัยของผู้ใช้งานเป็นอันดับแรก

  • มาตรฐานสากล: ผลิตภัณฑ์ของ Belkin ผลิตด้วยวัสดุคุณภาพสูง ผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวด และได้รับการรับรองมาตรฐานสากลต่างๆ เช่น ISO 9001 สำหรับกระบวนการผลิต และ Qi-certified สำหรับอุปกรณ์ชาร์จไร้สาย นอกจากนี้ Belkin ยังเป็นสมาชิกของ Wireless Power Consortium (WPC) และทำงานร่วมกับผู้ผลิตอุปกรณ์อย่าง Apple เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ได้มาตรฐานและปลอดภัย สายเคเบิล USB-C ของ Belkin ยังอาจได้รับการรับรองจาก USB-IF (USB Implementers Forum) ซึ่งเป็นเครื่องการันตีคุณภาพ
  • ความทนทาน: Belkin ออกแบบผลิตภัณฑ์ให้มีความทนทานต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน ยกตัวอย่างเช่น สายชาร์จ PRO Flex ที่มีการเสริมไนลอนถักสองชั้น ทำให้ทนทานกว่าสายปกติหลายเท่า หัวชาร์จและฮับต่างๆ ก็ถูกสร้างขึ้นให้แข็งแรงทนทานเช่นกัน
  • ความปลอดภัย: อุปกรณ์จ่ายไฟของ Belkin มีระบบป้องกันความปลอดภัยหลายชั้น เช่น การป้องกันความร้อนสูงเกินไป, การป้องกันกระแสไฟเกิน, และการตรวจจับวัตถุแปลกปลอมบนแท่นชาร์จไร้สาย (Foreign Object Detection) เพื่อความปลอดภัยทั้งต่อผู้ใช้งานและอุปกรณ์ เทคโนโลยี PPS ในหัวชาร์จยังช่วยให้การจ่ายไฟเป็นไปอย่างเหมาะสม ลดความเสี่ยงต่อแบตเตอรี่

 

สรุป

การนำ iPad USB-C มาใช้ในการเรียนการสอน ร่วมกับอุปกรณ์เสริมคุณภาพจาก Belkin จะช่วยให้คุณครูมีเครื่องมือที่ทรงประสิทธิภาพ สามารถสอนหนังสือได้คล่องตัว ยืดหยุ่น และปลอดภัย สามารถสร้างสรรค์กิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลายและน่าสนใจ กระตุ้นการมีส่วนร่วมของนักเรียน และยกระดับคุณภาพการศึกษาในยุคดิจิทัลได้อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการพรีเซนต์ผ่าน AirPlay การถ่ายโอนไฟล์ผ่าน SD Card หรือการใช้งานหลายอุปกรณ์พร้อมกันอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ การลงทุนในเทคโนโลยีที่เหมาะสมและเชื่อถือได้ ถือเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตการศึกษาของเด็กไทย

 

ทำไมต้องเลือกพาวเวอร์แบงค์ไร้สายจาก Belkin? ชาร์จง่าย สบาย ไร้กังวล

ทำไมต้องเลือกพาวเวอร์แบงค์ไร้สายจาก Belkin? ชาร์จง่าย สบาย ไร้กังวล

ในยุคดิจิทัลแบบนี้ สมาร์ทโฟนและอุปกรณ์พกพาต่างๆ กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราไปแล้ว แต่ปัญหาแบตเตอรี่หมดระหว่างวันก็ยังคงเป็นเรื่องน่าปวดหัวของใครหลายคน พาวเวอร์แบงค์ไร้สาย (Wireless Power Bank) จึงกลายเป็นตัวช่วยสำคัญที่หลายคนมองหา เนื่องจากมีความสะดวก กะทัดรัด พกพาง่าย และถ้าพูดถึงแบรนด์ที่น่าเชื่อถือและมีคุณภาพ Belkin คือหนึ่งในแบรนด์ตัวเลือกที่น่าสนใจ วันนี้เราจะมาดูกันว่าทำไมพาวเวอร์แบงค์ไร้สายจาก Belkin ถึงเป็นตัวเลือกที่ใช่สำหรับคุณ

 

🔋 ข้อดีของพาวเวอร์แบงค์ไร้สาย สะดวกสบายกว่าที่เคย

ลองนึกภาพว่าคุณไม่ต้องวุ่นวายกับสายชาร์จที่พันกันอีกต่อไป เพียงแค่วางสมาร์ทโฟนของคุณลงบนพาวเวอร์แบงค์ ก็เริ่มชาร์จได้ทันที นี่คือความสะดวกสบายหลักๆ ของพาวเวอร์แบงค์ไร้สาย:

  • ใช้งานง่ายแค่แตะ: ไม่ต้องหาสาย ไม่ต้องกังวลเรื่องการเสียบให้ถูกด้าน แค่วางก็ชาร์จได้เลย เช่น iPhone ที่รองรับ MagSafe ก็สามารถชาร์จได้ทันที
  • พกพาสะดวก: ลดความยุ่งยากเรื่องสาย ทำให้กระเป๋าเป็นระเบียบมากขึ้น
  • ถนอมพอร์ตชาร์จ: ลดการเสียดสีจากการเสียบสายเข้าออกบ่อยๆ ช่วยยืดอายุการใช้งานของช่องชาร์จโทรศัพท์

เลือกความจุพาวเวอร์แบงค์ไร้สาย ให้เหมาะกับอุปกรณ์ของคุณ

Belkin มีพาวเวอร์แบงค์ไร้สายหลากหลายความจุให้เลือก เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกัน:

  • ความจุ 5,000 mAh: เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความคล่องตัว การใช้งานทั่วไป พกพาง่าย เน้นชาร์จสมาร์ทโฟนได้ประมาณ 1 รอบ (ขึ้นอยู่กับรุ่นโทรศัพท์) สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันหรือการเดินทางสั้น ๆ เหมาะมากสำหรับ iPhone ที่รองรับ MagSafe เพราะ Belkin มีรุ่นที่ออกแบบมาให้ประกบติดกับหลังเครื่องได้อย่างลงตัว
  • ความจุ 10,000 mAh: เป็นขนาดที่กำลังพอดีสำหรับใช้งานทั่วไป ชาร์จสมาร์ทโฟนได้ประมาณ 1-2 รอบ (ขึ้นอยู่กับรุ่นโทรศัพท์) หรือชาร์จหูฟังไร้สายได้หลายครั้ง เหมาะสำหรับคนที่ใช้งานนอกบ้านทั้งวัน หรือเดินทางสั้น ๆ
  • ความจุสูงกว่า (เช่น 20,000 mAh): แม้พาวเวอร์แบงค์ไร้สายส่วนใหญ่มักเน้นความคล่องตัว แต่ Belkin ก็มีตัวเลือกแบบมีสายที่มีความจุสูง สำหรับคนที่ต้องการชาร์จอุปกรณ์หลายชิ้น หรือเดินทางหลายวัน สามารถชาร์จอุปกรณ์ได้หลายครั้งโดยไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่หมด

เคล็ดลับ: การเลือกความจุให้ดูว่าปกติเราใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง และต้องการชาร์จกี่รอบต่อวัน โดยทั่วไป ความจุจริงที่พาวเวอร์แบงค์จ่ายไฟได้จะอยู่ที่ประมาณ 60-70% ของความจุที่ระบุไว้

 

ฟีเจอร์เพิ่มเติมสุดล้ำ

นอกจากการชาร์จไร้สายที่สะดวกแล้ว Belkin ยังใส่ใจในรายละเอียดการใช้งานจริง ด้วยฟีเจอร์พิเศษ:

  • Pass-Through Charging (ชาร์จพร้อมกัน): คุณสามารถชาร์จไฟเข้าพาวเวอร์แบงค์ Belkin พร้อมๆ กับชาร์จสมาร์ทโฟนของคุณได้ในเวลาเดียวกัน หมดกังวลเรื่องต้องรอชาร์จทีละอย่าง ซึ่งเป็นข้อดีมากเมื่อมีปลั๊กไฟมีช่องจำกัด
  • ขาตั้ง (Stand): พาวเวอร์แบงค์ไร้สาย Belkin หลายรุ่นมาพร้อมกับขาตั้งในตัว คุณจึงสามารถวางโทรศัพท์เพื่อดูวิดีโอ วิดีโอคอล หรือทำงานอื่นๆ ไปพร้อมๆ กับการชาร์จได้อย่างสะดวกสบาย ไม่บังหน้าจอ

รองรับการใช้งานกับหลากหลายอุปกรณ์

พาวเวอร์แบงค์ไร้สายของ Belkin ไม่ได้จำกัดอยู่แค่อุปกรณ์ใดอุปกรณ์หนึ่ง:

  • MagSafe Compatible: สำหรับผู้ใช้ iPhone รุ่นที่รองรับ MagSafe พาวเวอร์แบงค์ Belkin จะดูดติดกับตัวเครื่องได้อย่างแม่นยำ ทำให้ชาร์จได้ง่ายและมั่นคง
  • มาตรฐาน Qi: รองรับการชาร์จไร้สายกับสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ใช้เทคโนโลยี Qi ซึ่งเป็นมาตรฐานสากล รวมถึงหูฟังไร้สายรุ่นใหม่ ๆ
  • พอร์ต USB เพิ่มเติม: บางรุ่นยังมีพอร์ต USB-C มาให้ เพื่อให้คุณสามารถชาร์จอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ไม่รองรับการชาร์จไร้สายได้อีกด้วย

ความปลอดภัย

เรื่องความปลอดภัยเป็นสิ่งที่ Belkin ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก พาวเวอร์แบงค์ไร้สายของ Belkin มาพร้อมกับระบบป้องกันที่ครบครัน:

  • ระบบป้องกันความร้อนสูงเกินไป (Over-heat protection): ป้องกันไม่ให้พาวเวอร์แบงค์และอุปกรณ์ของคุณร้อนจนเกินไป
  • ระบบป้องกันการชาร์จไฟเกิน (Over-charge protection): ช่วยถนอมแบตเตอรี่ของอุปกรณ์
  • ระบบป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร (Short-circuit protection): เพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน
  • การรับประกัน: Belkin ยังมอบการรับประกันสินค้า และในบางรุ่นยังมีวงเงินคุ้มครองความเสียหายต่ออุปกรณ์ที่นำมาเชื่อมต่อ (Connected Equipment Warranty) สูงสุด 80,000 บาทเพิ่มความอุ่นใจให้ผู้ใช้งาน

 

คำแนะนำเพิ่มเติม

  • เลือกเคสที่เหมาะสม: หากคุณใช้เคสโทรศัพท์ ควรเลือกเคสที่ไม่หนาจนเกินไป หรือเป็นเคสที่รองรับการชาร์จไร้สาย (MagSafe compatible case) เพื่อประสิทธิภาพการชาร์จที่ดีที่สุด
  • ศึกษาคู่มือ: อ่านคู่มือการใช้งานเพื่อทำความเข้าใจฟังก์ชันต่าง ๆ และการดูแลรักษาพาวเวอร์แบงค์อย่างถูกวิธี

 

หากคุณกำลังมองหาพาวเวอร์แบงค์ที่มีคุณภาพ พาวเวอร์แบงค์ไร้สายจาก Belkin ไม่เพียงแต่มอบความสะดวกสบายในการชาร์จอุปกรณ์พกพาของคุณ แต่ยังมาพร้อมกับดีไซน์ที่ทันสมัย ฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ และที่สำคัญที่สุดคือความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน ทำให้คุณมั่นใจได้ในทุกการใช้งาน เลือก Belkin เพื่อประสบการณ์การชาร์จไร้สายที่ดีกว่าเดิม

ทำไมต้องมีสายชาร์จ 3 เส้น? เคล็ดลับชีวิตง่ายๆ ของคนยุคใหม่!

ทำไมต้องมีสายชาร์จ 3 เส้น? เคล็ดลับชีวิตง่ายๆ ของคนยุคใหม่!

ทำไมต้องมีสายชาร์จ 3 เส้น? เคล็ดลับชีวิตง่ายๆ ของคนยุคใหม่!

เคยไหมที่ชีวิตต้องสะดุดเพราะหาสายชาร์จไม่เจอ? หรือสายชาร์จสั้นไปจนชาร์จไม่สะดวก? หรือเสียบปลั๊กไม่ได้? วันนี้ในฐานะนักเดินทาง นักทำงาน และคนใช้ชีวิตที่ต้องการความสะดวกสบายสูงสุด ขอแนะนำเคล็ดลับดีๆ มาฝากทุกคนที่กำลังมองหาสายชาร์จคู่ใจ นั่นคือ “ทำไมคุณถึงควรมีสายชาร์จ 3 เส้น ความยาว 2-3 เมตร” และทำไม Belkin ถึงเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์!

 

เส้นที่ 1: เพื่อนคู่ใจยามเดินทางและทำงาน (สำหรับพกพา)

ให้ลองนึกภาพว่าคุณกำลังนั่งทำงานในร้านกาแฟ หรือพักผ่อนอยู่ในโรงแรม และแบตมือถือหรือแท็บเล็ตกำลังจะหมด…แล้วคุณมีสายสั้นก็จะต้องก้มไปเสียบสาย หรือสายยาวไม่พอที่จะชาร์จมือถือแล้ววางบนโต๊ะ… จะดีแค่ไหนถ้าคุณมีสายชาร์จยาว 2-3 เมตรอยู่ในกระเป๋า หยิบออกมาเสียบได้ทันที ไม่ต้องหามุมชาร์จใกล้ๆ หรือต้องงอตัวให้ลำบาก!

  • Belkin USB-C to USB-C Cable (2M / 3M): สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ USB-C ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ แท็บเล็ต หรือแม้กระทั่งแล็ปท็อปบางรุ่น สายยาว 2-3 เมตรของ Belkin จะช่วยให้คุณมีอิสระในการใช้งานมากขึ้น ไม่ต้องกังวลว่าปลั๊กจะอยู่ไกล
  • Belkin USB-C to Lightning Cable (2M / 3M): สำหรับชาว Apple ที่ใช้ iPhone หรือ iPad รุ่นเก่าที่เป็นพอร์ต Lightning สายยาวนี้จะช่วยให้คุณชาร์จได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ว่าจะนั่งทำงานอยู่บนโต๊ะ หรือนอนเล่นอยู่บนเตียงในโรงแรม

ประโยชน์:

  • หมดปัญหาปลั๊กไกล: ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนก็ชาร์จได้สะดวกสบาย ไม่ต้องย้ายที่นั่งหรือหาปลั๊กพ่วง
  • อิสระในการใช้งาน: ชาร์จไป เล่นไป ทำงานไปได้สบายๆ ไม่ต้องนั่งจ้องอยู่ใกล้ๆ
  • อยู่ในกระเป๋าเสมอ: เมื่อมีสายประจำสำหรับพกพา คุณจะไม่มีวันลืมสายชาร์จอีกต่อไป!

 

เส้นที่ 2: พระเอกประจำบ้าน (สำหรับใช้งานที่บ้าน)

กลับมาถึงบ้านหลังเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานหรือเดินทาง สิ่งที่ต้องการคือความผ่อนคลาย แต่จะผ่อนคลายได้อย่างไรถ้าต้องนั่งตัวงอชาร์จโทรศัพท์อยู่ข้างเตียง หรือต้องลุกไปหยิบสายชาร์จจากลิ้นชักทุกครั้งที่ต้องการ?

  • Belkin USB-C to USB-C Cable (3M): เหมาะสำหรับพื้นที่ส่วนกลางในบ้าน เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องครัว ที่คุณต้องการชาร์จอุปกรณ์ไปพร้อมกับการใช้งาน
  • Belkin USB-A to Lightning Cable (3M): วางไว้ข้างเตียงนอน หรือโซฟาตัวโปรด ให้คุณชาร์จมือถือไปพร้อมกับการดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นโซเชียลมีเดียได้อย่างต่อเนื่อง

ประโยชน์:

  • สะดวกสบายทุกมุมบ้าน: ไม่ต้องลุกไปไหน แค่เอื้อมมือก็เสียบชาร์จได้
  • ลดความเสียหายของสาย: เมื่อสายยาวพอ ไม่ต้องดึง รั้ง หรือม้วนเก็บบ่อยๆ สายจะสึกหรอน้อยลง ยืดอายุการใช้งานได้นานขึ้น
  • ไม่ต้องเก็บเข้าๆ ออกๆ: วางไว้ตามจุดที่ใช้งานประจำ ทำให้หยิบใช้ได้ง่าย ไม่ต้องกลัวหาย

 

เส้นที่ 3: Backup หรือสำหรับจุดชาร์จเสริม (เพื่อชีวิตที่สมบูรณ์แบบ)

เส้นที่สามนี้อาจจะเป็นสายชาร์จสำรอง หรือไว้สำหรับจุดชาร์จพิเศษที่คุณใช้งานบ่อยๆ เช่น ในรถยนต์ หรือที่ทำงาน (ถ้าคุณมีโต๊ะทำงานประจำ)

  • ในรถยนต์: หมดปัญหาแบตหมดระหว่างเดินทาง สามารถเสียบชาร์จได้ทันที ไม่ต้องวุ่นวายหา
  • ที่ทำงาน: วางไว้ที่โต๊ะทำงานประจำ ช่วยให้คุณชาร์จอุปกรณ์ได้ตลอดวัน ไม่ต้องกลัวแบตหมดระหว่างประชุม หรือทำงานสำคัญ

ประโยชน์:

  • ความอุ่นใจ: เมื่อมีสายสำรอง คุณจะรู้สึกปลอดภัยว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณก็พร้อมเสมอที่จะชาร์จอุปกรณ์ของคุณ
  • แบ่งปันง่าย: หากเพื่อนร่วมงานหรือคนในครอบครัวต้องการใช้ ก็สามารถหยิบยืมได้ทันที
  • ยืดอายุการใช้งาน: การมีสายสำรองช่วยให้แต่ละสายใช้งานน้อยลง ทำให้มีอายุการใช้งานนานขึ้นไปอีก

ทำไมต้องมีสายชาร์จ 3 เส้น? เคล็ดลับชีวิตง่ายๆ ของคนยุคใหม่!

ทำไมต้อง Belkin?

เมื่อพูดถึงสายชาร์จ เชื่อว่าหลายคนคงเคยเจอประสบการณ์สายขาดง่าย ชาร์จช้า หรือใช้ไปไม่นานก็พัง แต่ Belkin เป็นแบรนด์ที่ไว้วางใจได้ ด้วยเหตุผลเหล่านี้:

  • คุณภาพวัสดุ: สายชาร์จ Belkin ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง แข็งแรง ทนทาน ทำให้ใช้งานได้ยาวนาน ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อยๆ เหมือนสายชาร์จราคาถูกทั่วไป
  • มาตรฐาน MFi (สำหรับ Lightning): สำหรับสาย Lightning ของ Belkin ได้รับการรับรอง MFi (Made for iPhone/iPad/iPod) จาก Apple ทำให้มั่นใจได้ว่าปลอดภัยต่ออุปกรณ์ของคุณ และสามารถชาร์จได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
  • การทดสอบที่เข้มงวด: Belkin มีการทดสอบความทนทานของสายชาร์จอย่างเข้มข้น เช่น การทดสอบการโค้งงอ เพื่อให้มั่นใจว่าสายสามารถทนทานต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างแท้จริง
  • การรับประกัน: Belkin มักจะมีการรับประกันสินค้า ซึ่งทำให้เราอุ่นใจได้ในระยะยาว โดยมีการรับประกัน 2-5 ปี แล้วแต่ประเภทของสาย

 

สรุป

การมีสายชาร์จ 3 เส้น ความยาว 2-3 เมตร ไม่ใช่แค่เรื่องฟุ่มเฟือย แต่คือการลงทุนเพื่อความสะดวกสบายและประสิทธิภาพในชีวิตประจำวันของคุณ ไม่ว่าจะเดินทาง ทำงาน หรืออยู่บ้าน คุณก็จะมีสายชาร์จที่พร้อมใช้งานเสมอ ลดความกังวล ประหยัดเวลา และช่วยยืดอายุการใช้งานของสายชาร์จไปในตัว

ลองพิจารณา Belkin เป็นตัวเลือกของคุณนะครับ แล้วคุณจะพบว่าชีวิตที่สะดวกสบายนั้นง่ายกว่าที่คิด!

เปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดสำหรับคอเกมโดยเฉพาะ! Nintendo Switch 2

สวัสดี…เหล่าเกมเมอร์และแฟน ๆ Nintendo ทุกท่าน! วันนี้มีข่าวที่น่าตื่นเต้นจาก Belkin แบรนด์อุปกรณ์เสริมชั้นนำ ที่ได้ประกาศ

Belkin เผยโฉมกลุ่มผลิตภัณฑ์เกมมิ่งใหม่ ชูจุดเด่นด้านความทนทาน วัสดุพรีเมียม และดีไซน์ที่สวยงามเหนือกาลเวลา ประกอบไปด้วยอุปกรณ์เสริมที่น่าสนใจดังนี้:

  1. เคสพร้อมชาร์จสำหรับ Nintendo Switch 2 (Charging Case for Nintendo Switch 2):

    • เคสตัวนี้ไม่เพียงแต่ปกป้องเครื่องเกมสุดรักของคุณ แต่ยังมาพร้อมแบตเตอรี่สำรองในตัวขนาด 10,000 mAh ให้คุณเล่นเกมได้ยาวนานต่อเนื่องไม่มีสะดุด ป้องกันรอยขีดข่วนและการตกกระแทกก
    • มีให้เลือก 3 สีสวยงามครับ: สีเทาดำ (Charcoal), สีทราย (Sand), และสีเขียว (Green)
  2. เคสสำหรับพกพา Nintendo Switch 2 (Travel Case for Nintendo Switch 2):

    • ออกแบบมาเพื่อการพกพาโดยเฉพาะ วัสดุพรีเมี่ยม ปกป้องเครื่อง Nintendo Switch 2 ของคุณอย่างมีสไตล์ ไม่ว่าคุณจะเดินทางไปที่ไหน
    • มีให้เลือก 3 สีเช่นกันครับ: สีเทาดำ (Charcoal), สีทราย (Sand), และสีเขียว (Green)
  3. ฟิล์มกระจกกันรอยหน้าจอแบบลดแสงสะท้อนสำหรับ Nintendo Switch 2 (TemperedGlass Anti-Reflective Screen Protector for Nintendo Switch 2):

    • ช่วยปกป้องหน้าจอจากรอยขีดข่วน เพิ่มความทนทาน ให้ความคมชัด และที่สำคัญคือช่วยลดแสงสะท้อน ทำให้เล่นเกมได้สบายตายิ่งขึ้นครับ
  4. ฟิล์มกระจกกันรอยหน้าจอแบบกรองแสงสีฟ้าสำหรับ Nintendo Switch 2 (TemperedGlass Blue Light Screen Protector for Nintendo Switch 2):

    • นอกจากจะป้องกันรอยขีดข่วนแล้ว ฟิล์มตัวนี้ยังช่วยลดแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อดวงตา เหมาะสำหรับคนที่เล่นเกมเป็นเวลานาน ๆ

นับเป็นข่าวดีสำหรับแฟน ๆ Nintendo ที่กำลังรอคอยอุปกรณ์เสริมคุณภาพเยี่ยมสำหรับเครื่องเล่นเกมคอนโซลรุ่นใหม่ที่กำลังจะมาถึงนะครับ! การที่ Belkin ซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงได้เข้ามาในตลาดอุปกรณ์เสริมเกมมิ่งแบบนี้ ถือว่าน่าจับตามองมาก ๆ! สำหรับคอลเลคชั่นอุปกรณ์เสริมเครื่องเล่นเกมสามารถเข้าดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.belkin.com/nintendo-switch2

ทำไมต้อง USB-C?

ทำไมต้อง USB-C?

USB-C หรือที่เรียกกันว่า Type-C ได้กลายเป็นตัวเชื่อมต่อหลักสำหรับอุปกรณ์ส่วนใหญ่ในปัจจุบัน วิธีที่ง่ายที่สุดในการจำแนก USB-C คือดูจากรูปร่างของตัวเชื่อมต่อ การออกแบบที่สร้างสรรค์นี้ช่วยเชื่อมต่อเทคโนโลยีหลากหลายประเภท และให้ความเร็วในการชาร์จและถ่ายโอนข้อมูลที่รวดเร็ว

ตัวเชื่อมต่อที่เหมาะสมสำหรับยุคปัจจุบัน

USB-C ได้รับความนิยมอย่างมากและมาพร้อมกับอุปกรณ์ส่วนใหญ่ในปัจจุบัน USB-C มอบความหลากหลาย การชาร์จที่รวดเร็ว และการถ่ายโอนข้อมูลที่เร็ว ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน สิ่งสุดท้ายที่ใครก็ไม่ต้องการคือตัวเชื่อมต่อที่ทำให้เราช้าลง

คุณสมบัติหลัก:

  1. การชาร์จที่รวดเร็วขึ้น
    USB-C สามารถรองรับเทคโนโลยี Power Delivery (PD) ได้สูงสุดถึง 240W (48V/5A) เมื่อใช้กับเครื่องชาร์จ USB-C PD ที่เหมาะสม สามารถชาร์จอุปกรณ์ต่างๆ เช่น แล็ปท็อปเกมมิ่ง และแท็บเล็ตได้อย่างรวดเร็ว
  2. ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลที่สูงขึ้น
    USB-C ยังรองรับความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลที่เร็วขึ้น สูงสุดถึง 80 Gbps ทำให้เป็นประโยชน์สำหรับการถ่ายโอนไฟล์ขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว
  3. การออกแบบแบบกลับหัวได้
    USB-C มีการออกแบบแบบกลับหัวได้ ซึ่งหมายความว่าสายเคเบิลสามารถเสียบเข้ากับอุปกรณ์ได้ทั้งสองทิศทาง ช่วยขจัดความหงุดหงิดในการพยายามเสียบสายให้ถูกทิศทาง
  4. ความเป็นสากล
    USB-C ได้กลายเป็นมาตรฐานสากลสำหรับการชาร์จและถ่ายโอนข้อมูลในอุปกรณ์หลากหลายประเภท รวมถึงแล็ปท็อป สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ นี่หมายความว่า หากอุปกรณ์ทั้งหมดเริ่มใช้ USB-C จะช่วยลดความจำเป็นในการใช้สายเคเบิลและเครื่องชาร์จหลายชนิด ทำให้ใช้งานและจัดการอุปกรณ์ได้ง่ายขึ้น และพกพาได้สะดวกขึ้น

 

Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.